พันธกิจมานาประจำวัน

Thai ODB
  1. เตือนด้วยความรัก
    ในปี 2010 คลื่นสึนามิถล่มเกาะสุมาตราของอินโดนีเซีย คร่าชีวิตผู้คนไปกว่าสี่ร้อยคน แต่การสูญเสียนี้สามารถป้องกันหรือลดจำนวนลงได้หากระบบเตือนภัยสึนามิทำงานอย่างที่ควรจะเป็น ระบบเฝ้าระวังสึนามิ (ทุ่นลอยน้ำ) หลุดออกจากตำแหน่งและถูกพัดหายไป พระเยซูตรัสกับเหล่าสาวกว่าพวกเขามีหน้าที่เตือนเพื่อนสาวกถึงสิ่งที่อาจเป็นอันตรายต่อจิตวิญญาณ รวมถึงบาปที่ยังไม่กลับใจ พระองค์อธิบายขั้นตอนว่าหากมีคนทำผิดบาปต่อผู้เชื่อ เขาสามารถ “แจ้ง” ความผิดต่อผู้ที่ทำผิดนั้นด้วยท่าทีถ่อมใจ เป็นการส่วนตัว และด้วยใจอธิษฐาน (มธ.18:15) หากคนผู้นั้นกลับใจ ความขัดแย้งก็จะคลี่คลายและความสัมพันธ์ก็ได้รับการรื้อฟื้น หากผู้เชื่อคนนั้นไม่ยอมกลับใจ “คนหนึ่งหรือสองคน” อาจช่วยแก้ไขความขัดแย้งได้ (ข้อ 16) ถ้าผู้ทำความผิดคนนั้นยังไม่กลับใจ ก็ให้นำเรื่องนี้ไปแจ้งต่อ “คริสตจักร” (ข้อ 17) ถ้าเขายังคงไม่ยอมกลับใจ ก็ให้ถอดเขาออกจากกลุ่มผู้เชื่อ แต่ก็ยังสามารถอธิษฐานเผื่อและสำแดงความรักของพระคริสต์แก่เขาได้อยู่ ในฐานะผู้เชื่อในพระเยซู ให้เราอธิษฐานขอสติปัญญาและความกล้าที่เราจะห่วงใยมากพอที่จะเตือนซึ่งกันและกันด้วยความรักถึงอันตรายของความบาปที่ไม่ยอมกลับใจ และถึงความชื่นชมยินดีของการคืนดีกับพระบิดาในสวรรค์และผู้เชื่อคนอื่นๆ แล้วพระเยซูจะทรงอยู่ “ท่ามกลาง[เรา]ที่นั่น” (ข้อ 20)
  2. พื้นที่ในใจ
    นี่คือคำแนะนำบางประการสำหรับวันหยุด ครั้งต่อไปที่คุณเดินทางผ่านเมืองมิดเดิลตัน รัฐวิสคอนซิน คุณอาจอยากไปเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์มัสตาร์ดแห่งชาติ สำหรับผู้ที่รู้สึกว่ามัสตาร์ดแค่แบบเดียวก็เพียงพอแล้ว สถานที่อันน่าตื่นตาตื่นใจนี้เก็บรวบรวมมัสตาร์ด 6,090 ชนิดจากทั่วโลก ที่เมืองแมคลีน รัฐเท็กซัส คุณอาจประหลาดใจที่เจอพิพิธภัณฑ์ลวดหนาม หรือแปลกใจมากขึ้นไปอีกที่มีคนหลงใหลใน… การฟันดาบ เรื่องนี้กำลังบอกถึงสิ่งที่เราเลือกให้ความสำคัญ นักเขียนท่านหนึ่งบอกว่า คุณอาจทำสิ่งที่แย่ยิ่งกว่าการใช้เวลาช่วงบ่ายที่พิพิธภัณฑ์กล้วย (แม้เราจะขอทำอย่างอื่นแทน) เราหัวเราะด้วยความขบขัน แต่ก็ต้องยอมรับโดยดีว่าเราต่างมีพิพิธภัณฑ์ของตัวเอง คือพื้นที่ในใจที่เรายกย่องรูปเคารพบางอย่างที่เราสร้างขึ้นมาเอง พระเจ้าตรัสสั่งเราว่า “อย่ามีพระเจ้าอื่นใดนอกเหนือจากเรา” (อพย.20:3) และ “อย่ากราบไหว้หรือปรนนิบัติรูปเหล่านั้น” (ข้อ 5) แต่เราก็ยังทำอยู่ เราสร้างพระต่างๆขึ้นมา อาจเป็นพระแห่งความมั่งคั่ง ความลุ่มหลง หรือความสำเร็จ หรือมี “ทรัพย์สมบัติ” เพื่อความพึงพอใจบางอย่างที่เราเทิดทูนไว้ลับๆ เป็นเรื่องง่ายที่จะพลาดประเด็นสำคัญเมื่ออ่านพระธรรมตอนนี้ ใช่แล้ว พระเจ้าทรงถือว่าเราต้องรับผิดชอบต่อพิพิธภัณฑ์แห่งความบาปที่เราสร้างขึ้น แต่พระองค์ยังตรัสถึงการ “แสดงความรักมั่นคงต่อคนที่รัก[พระองค์]…จนถึงพันชั่วอายุคน” (ข้อ 6) พระองค์ทรงทราบว่า “พิพิธภัณฑ์” ของเราไร้สาระเพียงใด พระองค์ทรงทราบว่าความพึงพอใจที่แท้จริงของเราอยู่ในความรักที่เรามีต่อพระองค์เท่านั้น
  3. ฤดูกาล
    ไม่นานนี้ผมอ่านเจอคำที่นำมาใช้ได้อย่างดี คือ การพักในฤดูหนาว ฤดูหนาวเป็นช่วงที่โลกธรรมชาติส่วนใหญ่ดำเนินไปอย่างเชื่องช้า นักเขียนแคทเธอรีน เมย์ ใช้คำนี้บรรยายถึงความจำเป็นที่เราต้องพักผ่อนและพักฟื้นในช่วงฤดู “หนาว” ของชีวิต ผมพบว่าคำเปรียบเปรยนี้ช่วยได้มากหลังจากสูญเสียคุณพ่อไปด้วยโรคมะเร็งซึ่งบั่นทอนกำลังผมไปหลายเดือน การอยู่ในภาวะที่ถูกบีบให้ชะลอตัวทำให้ขุ่นเคืองใจ ผมต่อสู้กับฤดูหนาวของตัวเอง อธิษฐานให้ฤดูร้อนของชีวิตหวนกลับมา แต่ยังมีอีกหลายสิ่งที่ผมต้องเรียนรู้ ถ้อยคำซึ่งเป็นที่รู้จักในปัญญาจารย์บอกว่ามี “วาระสำหรับเรื่องราวทุกอย่างภายใต้ฟ้าสวรรค์” มีวาระปลูกและวาระถอน วาระร้องไห้และวาระหัวเราะวาระไว้ทุกข์และวาระเต้นรำ (3:1-4) ผมอ่านข้อพระคัมภีร์เหล่านี้มาหลายปีแต่เพิ่งเริ่มเข้าใจเมื่อพบกับฤดูหนาวของตัวเอง แม้เราจะควบคุมสิ่งเหล่านี้ได้เพียงเล็กน้อย แต่ทุกฤดูมีจุดสิ้นสุดและจะผ่านพ้นไปเมื่อมันทำหน้าที่เสร็จสิ้น และขณะที่เราไม่อาจเข้าใจมันได้ทุกครั้ง แต่พระเจ้าทรงกำลังทำบางสิ่งที่สำคัญในเราผ่านฤดูเหล่านั้น (ข้อ 11) วาระไว้ทุกข์ของผมยังไม่จบ แต่เมื่อจบแล้ว วาระเต้นรำก็จะกลับมา เช่นที่พืชและสัตว์ไม่ต่อสู้กับฤดูหนาว ผมจำเป็นต้องพักและปล่อยให้มันฟื้นฟูชีวิตของผม “องค์พระผู้เป็นเจ้า” เพื่อนคนหนึ่งอธิษฐาน “ขอพระองค์ทรงกระทำกิจอันดีในชีวิตของเชอริแดน(ผู้เขียน)ในฤดูแห่งความทุกข์โศกนี้” นี่เป็นคำอธิษฐานที่ดีกว่าของผม เพราะในพระหัตถ์พระเจ้า ฤดูกาลก็มีวัตถุประสงค์ของมัน ขอให้เรายอมจำนนต่อการฟื้นฟูของพระองค์ในทุกฤดูกาล
  4. กล้ายืนหยัดเพื่อพระเยซู
    ในค.ศ.155 โพลิคาร์ปบิดาแห่งคริสตจักรยุคแรกถูกข่มขู่ว่าจะถูกเผาให้ตายเพราะความเชื่อในพระคริสต์ ท่านตอบว่า “แปดสิบหกปีที่ข้าพเจ้าเป็นผู้รับใช้ของพระองค์นั้น พระองค์ไม่เคยทำสิ่งใดผิดต่อข้าพเจ้าเลย แล้วข้าพเจ้าจะหมิ่นพระเกียรติกษัตริย์ผู้ทรงช่วยกู้ข้าพเจ้าได้อย่างไร” การตอบสนองของโพลิคาร์ปสามารถเป็นแรงบันดาลใจให้กับเราเมื่อต้องเผชิญการทดลองที่หนักหน่วงเพราะความเชื่อในพระเยซู กษัตริย์ของเรา ไม่กี่ชั่วโมงก่อนพระเยซูจะสิ้นพระชนม์ เปโตรให้คำมั่นอย่างกล้าหาญว่าจะจงรักภักดีต่อพระคริสต์ “ข้าพระองค์จะสละชีวิตเพื่อพระองค์” (ยน.13:37) พระเยซูผู้ทรงรู้จักเปโตรดีกว่าที่เปโตรรู้จักตัวเอง ตรัสตอบว่า “เราบอกความจริงแก่ท่านว่า ก่อนไก่ขันท่านจะปฏิเสธเราสามครั้ง” (ข้อ 38) อย่างไรก็ตามหลังการฟื้นคืนพระชนม์ของพระเยซู คนๆเดิมที่ปฏิเสธพระองค์ได้เริ่มต้นรับใช้พระองค์อย่างกล้าหาญ และในที่สุดได้ถวายเกียรติแด่พระองค์ด้วยการตายของท่านเอง (ดู 21:16-19) คุณเป็นโพลิคาร์ปหรือเปโตร หากยอมรับอย่างซื่อตรงพวกเราส่วนใหญ่มัก “ขาดความกล้า” เหมือนเปโตร คือล้มเหลวในการพูดหรือแสดงออกอย่างมีเกียรติในฐานะผู้เชื่อในพระเยซู สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะในห้องเรียน ห้องประชุมหรือห้องพัก ไม่ใช่สิ่งที่นิยามตัวตนของเราอย่างถาวร เมื่อความล้มเหลวเหล่านั้นเกิดขึ้น เราต้องสารภาพบาปด้วยใจอธิษฐานและหันกลับมาหาพระเยซู ผู้ทรงสิ้นพระชนม์และทรงพระชนม์อยู่เพื่อเรา พระองค์จะทรงช่วยให้เราสัตย์ซื่อต่อพระองค์และดำเนินชีวิตอย่างกล้าหาญเพื่อพระองค์ทุกวันในสถานการณ์อันยากลำบาก
  5. อยู่ในเอื้อมพระหัตถ์พระเจ้า
    เมื่อเจ้าหน้าที่ค้นตัวเสร็จฉันก็เดินเข้าไปในเรือนจำเขต ลงชื่อผู้เข้าเยี่ยม และนั่งลงในห้องรับรองที่แน่นขนัด ฉันอธิษฐานอย่างเงียบๆ มองดูพวกผู้ใหญ่ที่กระสับกระส่ายและถอนหายใจขณะที่เด็กๆบ่นเรื่องการรอ ผ่านไปชั่วโมงกว่าเจ้าหน้าที่ติดอาวุธขานรายชื่อซึ่งมีชื่อของฉันด้วย เขาพากลุ่มของเราเข้าไปในห้องและชี้ให้นั่งเก้าอี้ที่กำหนดไว้ เมื่อลูกเลี้ยงชายของฉันนั่งลงบนเก้าอี้อีกฝั่งของบานกระจกหนาและหยิบหูฟังโทรศัพท์ขึ้นมา ความสิ้นหวังอย่างที่สุดก็ท่วมท้นตัวฉัน แต่ขณะที่ร้องไห้ พระเจ้าทรงยืนยันกับฉันว่าลูกเลี้ยงของฉันยังคงอยู่ในเอื้อมพระหัตถ์ของพระองค์ ในสดุดี 139 ดาวิดทูลพระเจ้าว่า “พระองค์…ทรงรู้จักข้าพระองค์…ทรงคุ้นเคยกับทางทั้งสิ้นของข้าพระองค์ (ข้อ 1-3) คำประกาศถึงพระเจ้าผู้ทรงสัพพัญญูของดาวิดนำไปสู่การเฉลิมฉลองถึงการทรงดูแลและปกป้องอย่างใกล้ชิดของพระองค์ (ข้อ 5) พระปัญญาอันกว้างใหญ่ไพศาลและการทรงสัมผัสอย่างลึกซึ้งของพระเจ้าท่วมท้นท่าน ดาวิดถามคำถามที่ไม่ต้องการคำตอบสองข้อ “ข้าพระองค์จะไปไหนให้พ้นพระวิญญาณของพระองค์ได้ หรือข้าพระองค์จะหนีไปไหนให้พ้นพระพักตร์ของพระองค์” (ข้อ 7) เมื่อตัวเราหรือคนที่เรารักตกอยู่ในสถานการณ์ที่ทำให้รู้สึกสิ้นหวังและอับจนหนทาง พระหัตถ์ของพระเจ้ายังคงเข้มแข็งและมั่นคง แม้ขณะที่เราคิดว่าเราหลงไปไกลจากการทรงไถ่ด้วยความรักของพระองค์ แต่เรายังอยู่ในเอื้อมพระหัตถ์ของพระองค์เสมอ

อ่านมานาประจำวัน

อ่านมานาประจำวัน

คริสตจักรพระสัญญา 318 ถ.สุขุมวิท (ไปชลบุรี สายเก่า) ต.ปากน้ำ  .สมุทรปราการ 10270 
โทรศัพท์ :(+66) 02 702 7636    

Go to top