การพูด คือ การสื่อสารเพื่อให้อีกฝ่ายหนึ่งเข้าใจ การพูดเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพราะบางครั้งการพูดมากหรือพูดน้อยเกินไปทำให้ผู้ฟัง ฟังแล้วไม่เข้าใจความหมาย คำพูดนั้นมีพลัง เพราะพระเจ้าสร้างมนุษย์จากการตรัสของพระเจ้า เมื่อพระเจ้าตรัสทุกอย่างก็เกิดขึ้น เช่น ตรัสให้มีแสงสว่าง มีทะเล มีสัตว์ มีดวงดาวดวงอาทิตย์ มีมนุษย์ พระเจ้าได้ทรงสร้างทุกสิ่งทุกอย่างด้วยการตรัส ปัจจุบันอำนาจการตรัสอย่างสมัยก่อนอาจจะไม่มีแล้ว แต่มีความคล้ายคลึงกันคือเป็นคำพูดที่มีสิทธิอำนาจ สั่งอะไรแล้วได้อย่างนั้น พระเจ้าให้สิทธิอำนาจในการพูดให้กับมนุษย์ ดังนั้นถ้าคำพูดดีก็เป็นพร แต่ถ้าเป็นคำพูดลบก็ได้ลบ เมื่อเราอธิษฐานต่อพระเจ้าในพระคัมภีร์ได้กล่าวไว้ว่า... ถ้าเราทูลขอสิ่งใด ท่านก็จะได้สิ่งนั้น( จงขอแล้วจะได้ จงหาแล้วจะพบ จงเคาะแล้วจะเปิดให้แก่ท่าน) เช่นเดียวกับคนในพระคัมภีร์ ยาโคบได้เห็นคุณค่าของบุตรหัวปี จึงขอให้พ่ออวยเขา เพราะคำพูดคนสมัยก่อนเปรียบเสมือนกับการเซ็นพินัยกรรมอย่างหนึ่ง ยาโคบเริ่มเห็นว่าพ่อเริ่มแก่แล้ว จึงมาหลอกพ่อว่าเป็นเอซาว เอาขนแกะมาคุมตัวเพื่อให้เหมือนเอซาว พ่อจึงได้อวยพรยาโคบในทางที่ดีทั้งหมด เมื่อเอซาวกลับมาถึงบ้านได้ทำแกงให้พ่อกินเพื่อให้พ่ออวยพรเขา พ่อได้กล่าวว่าอวยพรลูกไปแล้ว สมัยก่อนการพูดเป็นการเซ็นลายเซ็น เพราะเมื่อตรัสอะไรแล้วต้องเป็นแบบนั้น ไม่มีการคืนคำ
มัทธิว5:33-37 อีกประการหนึ่ง ท่านทั้งหลายได้ยินว่ามีคำกล่าวในครั้งโบราณว่า `อย่าเสียคำสัตย์ปฏิญาณ แต่จงปฏิบัติตามคำสัตย์ปฏิญาณของท่านต่อองค์พระผู้เป็นเจ้า ฝ่ายเราบอกท่านทั้งหลายว่า อย่าปฏิญาณเลย จะอ้างถึงสวรรค์ก็ดี เพราะสวรรค์เป็นบัลลังก์ของพระเจ้าหรือจะอ้างถึงแผ่นดินโลกก็ดี เพราะแผ่นดินโลกเป็นที่รองพระบาทของพระองค์ หรือจะอ้างถึงกรุงเยรูซาเล็มก็ดี เพราะกรุงเยรูซาเล็มเป็นราชธานีของพระมหากษัตริย์อย่าปฏิญาณโดยอ้างถึงศีรษะของตน เพราะท่านจะกระทำให้ผมขาวหรือดำไปสักเส้นหนึ่งก็ไม่ได้จริงก็จงว่าจริง ไม่ก็ว่าไม่ พูดแต่เพียงนี้ก็พอ คำพูดเกินนี้ไปมาจากความชั่ว
คำพูดเป็นเครดิตให้เรา “ จริงก็จงว่าจริง ไม่ก็ว่าไม่ คำพูดเกินนี้ไปมาจากความชั่ว” เราทุกคนที่เชื่อในพระเจ้าก็เป็นคนที่มีค่าเป็นทอง ถ้าเราเป็นคนจนถ้ามีพระเจ้าก็มีค่า คนรวยมีพระเจ้าก็มีค่า ถ้ากลับกันถ้ารวย แต่ไม่มีพระเจ้าก็ไม่มีค่า พระเยซูกำลังหนักใจที่ผู้นำสมัยก่อนชอบ เล่นภาษาบาลี ภาษาฮีบรู ภาษาอาราเมค ภาษากรีก ชอบอ้างภาษา พวกฟาริสีมีชื่อเสียงเรื่องการสาบาน พวกเขาสาบานเพื่อความสบายใจของตนเอง ถ้าพวกเขาสาบานก็จะอ้าง ฟ้าสวรรค์ แผ่นดินโลก เยรูซาเล็มหรือศีรษะของตนเอง พวกเขาอาจจะเถียงว่าพระเจ้าไม่มีส่วนในการสาบานของเขา พวกเขาไม่จริงจังกับการสาบานนั้น แต่พระเยซูคริสต์บอกว่าเราไม่ควรสาบาน แม้ว่าจะจำเป็นพระองค์บอกว่าอย่าสาบานเลย การสาบานเป็นการแสดงความชั่วร้ายในจิตใจมนุษย์ การสาบานเป็นการอ้าง ฟ้าสวรรค์ แผ่นดินโลกและเยรูซาเล็ม ซึ่งเป็นเรื่องไม่สมควร เพราะสถานที่เหล่านี้เป็นที่ประทับของพระเจ้า เป็นที่รองพระบาทของพระเจ้า และเป็นราชธานีของพระเจ้า พระองค์ต้องการให้ชีวิตของเราสอดคล้องกับคำพูด ใช่ก็บอกว่าใช่ คำว่าไม่ก็บอกว่าไม่ “ ให้จริงก็จงว่าจริง ไม่ก็ว่าไม่ คำพูดเกินนี้ไปมาจากความชั่ว”
ในคริสตจักรที่เราอยู่ด้วยกันต้องมีความจริงใจต่อกัน จะไม่มีการพูดมุสา คริสตจักรต้องเป็นเขตปลอดความชั่ว ที่สำคัญที่สุดของคริสตจักรคือการมีความรักต่อกันและกัน ให้กายเราเป็นที่ถวายเกียนติแด่พระเจ้า
วันอาทิตย์ที่ 16 สิงหาคม 2015
แบ่งปันพระพร ศจ.ธงชัย ประดับชนานุรัตน์