ความรักเป็นสิ่งสำคัญที่สุดของศาสนาคริสต์ ซึ่งเป็นความรักของพระเจ้าที่ทรงมีต่อมวลมนุษย์ พระเยซูได้สอนสาวกเรื่องการล้างเท้าสาวก และได้ให้โอวาทเป็นครั้งสุดท้ายให้แก่สาวก เรื่องบัญญัติใหม่ คือให้เรารักซึ่งกันและกัน ให้เราให้กระทำสิ่งที่ดีต่อกัน เหมือนกับความรักที่พระเจ้าประทานให้เรา ความรักสำคัญขนาดไหน ?
1ยอห์น4.7-8 ท่านที่รักทั้งหลาย ขอให้เรารักซึ่งกันและกัน เพราะว่าความรักมาจากพระเจ้า และทุกคนที่รักก็บังเกิดจากพระเจ้า และรู้จักพระเจ้า4:8 ผู้ที่ไม่รักก็ไม่รู้จักพระเจ้า เพราะว่าพระเจ้าทรงเป็นความรัก
ในพระวจนะคำตอนนี้ได้เน้นย้ำให้เรารักซึ่งกันและกัน คริสเตียนต้องรักกัน เพราะคนที่รักพระเจ้าต้องเป็นผู้ที่บังเกิดใหม่ในพระเจ้า ถ้าเรารักกันด้วยใจจริง เชื่อว่าจะมีสมาชิกเต็มคริสตจักร ความรักของพระเจ้าเป็นความรักที่ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง แม้ว่าความรักของมนุษย์เปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา การสิ้นพระ –ชนม์บนไม้กางเขนพระองค์ได้แสดงให้เราเห็นว่า เป็นความรักที่ไม่มีเงื่อนไข และเป็น ความรักที่เสียสละเพื่อมนุษย์
1 ยอห์น4.20-21 ถ้าผู้ใดว่า "ข้าพเจ้ารักพระเจ้า" และยังเกลียดชังพี่น้องของตน ผู้นั้นก็เป็นคนพูดมุสา เพราะว่าผู้ที่ไม่รักพี่น้องของตนที่แลเห็นแล้ว เขาจะรักพระเจ้าที่ไม่เคยเห็นอย่างไรได้4:21 พระบัญญัตินี้เราทั้งหลายก็ได้มาจากพระองค์ คือว่าให้คนที่รักพระเจ้านั้นรักพี่น้องของตนด้วย
คริสเตียนต้องรักพี่น้องที่นั่งข้างๆเราได้ เราต้องสำแดงความรักต่อกัน ไม่มีการทะเลาะกัน ถ้าเรายังเกลียดชังพี่น้องก็ถือว่าเป็นผู้มุสา บางครั้งเราบอกว่าเรารักพระเจ้า แต่เรายังเกลียดชังพี่น้อง เราบอกว่าเรารักพระเจ้าที่เรามองไม่เห็นได้อย่างไร ? ดังนั้นให้เราเรียนรู้ที่จะอภัยกัน และกลับคืนดีกันนั่นแหละคือนำพระ- ทัยพระเจ้า “1ยอห์น 3.15 ผู้ใดเกลียดชังพี่น้องของตน ผู้นั้นก็เป็นฆาตกร และท่านทั้งหลายก็รู้แล้วว่า ไม่มีฆาตกรคนใดที่มีชีวิตนิรันดร์ดำรงอยู่ในเขาเลย ให้อภัยซึ่งกันและกันโกรธได้แต่อย่าให้ถึงตะวันตกดิน ชีวิตคริเตียนต้องมีแต่ความรัก” “มัทธิว55:23 เหตุฉะนั้น ถ้าท่านนำเครื่องบูชามาถึงแท่นบูชาแล้ว และระลึกขึ้นได้ว่า พี่น้องมีเหตุขัดเคืองข้อหนึ่งข้อใดกับท่าน5:24 จงวางเครื่องบูชาไว้ที่หน้าแท่นบูชา กลับไปคืนดีกับพี่น้องผู้นั้นเสียก่อน แล้วจึงค่อยมาถวายเครื่องบูชาของท่าน”ยอห์น 21.15-17
21:15 เมื่อรับประทานอาหารเสร็จแล้วพระเยซูตรัสกับซีโมนเปโตรว่า "ซีโมนบุตรชายโยนาห์เอ๋ย ท่านรักเรามากกว่าพวกเหล่านี้หรือ" เขาทูลตอบพระองค์ว่า "ถูกแล้ว พระองค์เจ้าข้า พระองค์ทรงทราบว่าข้าพระองค์รักพระองค์" พระองค์ตรัสสั่งเขาว่า "จงเลี้ยงลูกแกะของเราเถิด"
21:16 พระองค์ตรัสกับเขาครั้งที่สองอีกว่า "ซีโมนบุตรชายโยนาห์เอ๋ย ท่านรักเราหรือ" เขาทูลตอบพระองค์ว่า "ถูกแล้ว พระองค์เจ้าข้า พระองค์ทรงทราบว่าข้าพระองค์รักพระองค์" พระองค์ตรัสกับเขาว่า "จงเลี้ยงแกะของเราเถิด"
21:17 พระองค์ตรัสกับเขาครั้งที่สามว่า "ซีโมนบุตรชายโยนาห์เอ๋ย ท่านรักเราหรือ" เปโตรก็เป็นทุกข์ใจที่พระองค์ตรัสถามเขาครั้งที่สามว่า "ท่านรักเราหรือ" และเขาทูลพระองค์ว่า "พระองค์เจ้าข้า พระองค์ทรงทราบทุกสิ่ง พระองค์ทรงทราบว่า ข้าพระองค์รักพระองค์" พระเยซูตรัสกับเขาว่า "จงเลี้ยงแกะของเราเถิด
ถ้าเรารักพระเจ้าให้เราช่วยกันเลี้ยงลูกแกะ คือผู้รับบัพติศมาใหม่ต้องการอาหารอ่อน ต้องการดูแลเอาใจใส่ด้านเชื่อ อย่าให้เขาหลงจากทางของพระเจ้า ส่วนแกะที่โตแล้ว เราก็ต้องหมั่นเช็ดดู เช่น พี่น้องบางท่านไม่สบายต้องมีการเยี่ยมเยียนให้กำลังใจ และให้เราเป็นภาระซึ่งกันและกันสอนเขาให้ติดสนิทกับพระเจ้าในการอ่านพระคัมภีร์ สอนการอธิษฐาน เพื่อเขาได้สัมผัสถึงฤทธิ์เดชของพระเจ้าและสิ่งที่สำคัญที่สุดคือให้เรารักซึ่งกันและกัน
.....................................
ผู้เทศนา อ.พนม หนูไพโรจน์
วันอาทิตย์ที่4 สิงหาคม 2015