ในพระธรรม 2 ทิโมธี บทที่ 3.1-7 ได้กล่าวถึงลักษณะบุคคลในยุคสุดท้ายว่ามนุษย์จะเห็นแก่ตัว เห็นแก่เงิน เย่อหยิ่ง ยโส ชอบด่าว่า ไม่เชื่อฟังคำบิดามารดา อกตัญญู ไร้ศีลธรรม ไร้มนุษยธรรม ไม่ให้อภัยกัน ใส่ร้ายกัน ไม่ยับยั้งชั่งใจ ดุร้าย เกลียดชังความดี ทรยศ มุทะลุ หัวสูง รักความสนุกยิ่งกว่ารักพระเจ้า ถือศาสนาแต่เปลือกนอก ส่วนแก่นแท้ของศาสนาเขาไม่ยอมรับ พี่น้องที่รักเราจะเห็นได้ว่าพระคัมภีร์ได้กล่าวไว้เป็นความจริง ซึ่งปัจจุบันเรามักเห็นลักษณะบุคคลในยุคสุดท้ายเหล่านี้ตามข่าวและสถานการณ์บ้านเมือง ดังนั้นจำเป็นที่คริสเตียนเราต้องอดทนและเตรียมพร้อมไว้โดยเฉพาะเรื่องเส้นผมบังภูเขาสามเส้นที่จะสามารถให้ความเข้าใจกับคนที่อยู่รอบข้างเราได้
เส้นผมบังภูเขาเส้นแรก คือ จิตวิญญาณของเรานั้นมาจากไหน คนไทยหลายคนมักสนใจในเรื่องภพชาติ ชาติก่อนเป็นอะไร ชาติหน้าจะเป็นอะไร แต่ไม่มีใครที่สามารถให้คำตอบอย่างตรงไปตรงมาว่าจิตวิญญาณของเรานั้นมาจากไหน ที่หลายคนตอบไม่ได้ก็เพราะเขาไม่รู้ เปรียบเหมือนเส้นผมที่บังตาอยู่ แต่คริสเตียนเรารู้ เพราะพระคัมภีร์ได้กล่าวว่า จิตวิญญาณของเรานั้นมาจากพระเจ้า พระเจ้าทรงเป็นผู้สร้างชีวิตและสร้างจิตวิญญาณของเรา ดังนั้นแม้กายของเราวันหนึ่งจำเป็นต้องเสื่อมโทรม แต่จิตวิญญาณยังคงอยู่ไม่เสื่อมไปตามกาล เพราะจิตวิญญาณพระเจ้าเป็นผู้สร้าง
เส้นผมบังภูเขาเส้นสอง คือ เจ้าของสวรรค์นั้นคือผู้ใด หลายคนอยากไปสวรรค์ พยายามสร้างกรรมดี ละเว้นความชั่ว ทำหลายสิ่งเพื่อตนจะได้มีโอกาสในการขึ้นสวรรค์ แต่พวกเขาลืมไปว่าใครเป็นเจ้าของสวรรค์ ปกติแล้วเมื่อเราจะเข้าบ้านใคร
เราต้องขออนุญาติจากเจ้าของบ้านก่อน เรารู้หรือยังว่าสวรรค์นั้นใครเป็นเจ้าของ หลายคนไม่รู้แต่คริสเตียนรู้ว่า “พระเจ้าทรงเป็นเจ้าของสวรรค์” หากเรารู้จักเจ้าของสวรรค์และได้รับคำเชิญในการเข้าไปในบ้านของพระองค์ เราก็มีความมั่นใจว่าชีวิตของเราตายแล้วจะไปที่ใด
เส้นผมบังภูเขาเส้นสาม คือ พระคัมภีร์มีอายุนานกี่ปี สมัยก่อนที่ผมเชื่อในพระเจ้า เคยมีความคิดว่าคริสเตียนเป็นศาสนาที่มีอายุทางประวัติศาสตร์น้อย พูดง่ายๆ เกิดหลังจากพุทธศักราชถึงประมาณ 500 ปี แต่นั่นเป็นเส้นผมที่บังภูเขา เพราะนักวิทยาศาสตร์ได้ทำการพิสูจน์แล้วว่าพระคัมภีร์ที่ได้พยากรณ์ถึงพระเยซูนั้นมีอายุ 4-5 พันปี ซึ่งมีมาก่อนที่ศาสนาพุทธจะเกิดเสียอีก ถ้อยคำที่พระคัมภีร์ได้กล่าวเป็นหลักคำสอนที่เป็นความจริงและจากลักษณะของมนุษย์ในยุคนี้ ยิ่งตรงกับพระธรรม 2 ทิโมธี 3.1-7 ที่ได้กล่าวถึงวันเวลาในยุคสุดท้าย
เรามักได้ยินคำพูดที่ว่า “ศาสนาทุกศาสนาต่างสอนให้คนเป็นคนดี” อย่างไรก็ตามพระคัมภีร์ได้กล่าวถึงพระเยซูที่ยิ่งใหญ่มากกว่าศาสนานั่นคือ พระองค์ทรงให้เราไม่เพียงแต่เป็นคนดี แต่เป็นคนที่ได้รับความรอด ชีวิตของเรานั้นจำเป็นที่อย่าไปยึดติดกับสิ่งภายนอก จิตวิญญาณภายในเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ร่างกายเราเปรียบเหมือนบ้าน ที่นับวันยิ่งเสื่อมโทรม แต่จิตวิญญาณของเรานั้นจะไม่เสื่อมโทรมตามกายของเรา สุดท้ายจึงขอฝากเพลงไว้สามเพลงที่มีความหมายเพื่อเป็นการหนุนใจเรา เพลงแรก In My father’s house ของ Elvis Presley ที่กล่าวถึงบ้านของพระบิดา, เพลงที่สอง “เรานมัสการ” และเพลงที่สาม “มีสหายเลิศคือพระเยซู” ขอพระเจ้าทรงอวยพร
แบ่งปันพระพร ดร.กำจร เชาวรัตน์ วันอาทิตย์ที่ 12 เมษายน 2015