ชีวิตของเราต้องพึ่งในพระคุณของพระเจ้า เพราะเราเป็นคนบาปไม่สามารถช่วยตนเองได้โดยความรักของพระเจ้าทำให้เราไม่ต้องถูกการพิพากษาลงโทษ เพราะความเชื่อทำให้เราหลุดพ้นจากการพิพากษา ส่วนผู้ที่เป็นคนบาปไม่เชื่อในพระองค์ต้องถูกการพิพากษาตามการกระทำตน และพระองค์จะมารับผู้เชื่อในพระเจ้ากลับอยู่กับพระองค์ที่บนสวรรค์ และพระองค์จะมอบมงกุฎแห่งความชื่นชมยินดีเป็นเวลา 1สัปตะมีการเฉลิมฉลองกัน7 ปี ส่วนผู้ที่อยู่ข้างล่างเป็น 7 ปี จะพบแต่ความทุกข์ทรมาน ซึ่งเป็นยุคที่มีการข่มเหง มีต้องต่อสู้กับการทนทุกข์ เมื่อครบ 7 ปี พระองค์จะลงมาผูกมัดมารซาตาน และเป็นยุคแห่งนิรันดร์กาลพระองค์จะมาครอบครองบนบังลังก์พระที่นั่งสีขาวเพื่อทำการพิพากษา ผู้ที่เชื่อในพระองค์ก็จะรับชีวิตนิรันดร์ส่วนผู้ที่ไม่เชื่อในพระองค์ต้องมีการถูกพิพากษาคือการตกนรกบึงไฟต้องชดใช้กับความบาปที่ได้กระทำไป และเราสามารถเรียนรู้การพิพากษาของพระเจ้ามี 4 ประการดังนี้
ประการที่ 1 ตามความจริง
ความเป็นจริงเป็นสิ่งไม่ตาย คือ ความจริงเป็นสิ่งที่ยั่งยืน พระเจ้าจะมีการพิพากษาตามความจริงซึ่ง พระองค์ไม่มีเล่ห์เหลี่ยม ชีวิตของเราต้องเริ่มต้นด้วยความซื่อสัตย์ในความจริง
ประการที่ 2 ตามการกระทำ
พระเจ้าจะประทานรางวัลตามการกระทำของมนุษย์ พระเจ้าจะประทานความรอดให้กับผู้ที่เชื่อในพระองค์ ส่วนบำเหน็จพระเจ้าจะประทานตามการกระทำของเรา
ประการที่ 3 ไม่เห็นแก่หน้าผู้ใด
การพิพากษาของพระเจ้า พระองค์ไม่ได้เห็นหน้าผู้ใด ไม่ว่าเราจะเป็นใคร ฐานะอย่างไร เป็นลูกใคร แต่พระองค์จะพิพากษาตามมาตรฐานของพระเจ้า
ประการที่ 4 พระเจ้าพิพากษาตามข่าวประเสริฐ
พระเจ้าทรงรักเรา พระองค์มาช่วยเราโดยทางพระเยซูลงมาตายบนไม้กางเขนเพื่อมนุษย์ พระองค์มาไถ่ความบาปให้เราส่วนผู้ที่ต้อนรับพระองค์ ผู้นั้นก็จะได้รับความรอด แม้ว่าชีวิตที่ผ่านมาจะเป็นอย่างไรก็ตามถ้าเราสารภาพความบาปกับพระเจ้า พระเจ้าทรงสัตย์ซื่อจะยกความผิดบาปให้กับผู้สำนึกในความผิดบาป
สรุป พระเจ้าทรงสัตย์ซื่อและยุติธรรม พระองค์จะพิพากษามาตาฐานของพระเจ้า แต่ “ถ้าเราสารภาพความบาปของเรา พระองค์ผู้ทรงสัตย์ซื่อและยุติธรรมก็จะยกความบาปของเรา” 1ยอห์น1:9
แบ่งปันพระพร ศจ.วิเศษ สุทธิประภา
วันอาทิตย์ ที่ 28 กุมภาพันธ์ 2010
พระธรรม โรม 2:1-16