พระธรรม ปัญญจารย์ 1:2-3 ปัญญาจารย์ 5:15 ปัญญาจารย์ 12:6-8
1:2 ปัญญาจารย์กล่าวว่า อนิจจัง อนิจจัง อนิจจัง อนิจจัง สารพัดอนิจจัง 1:3 ที่มนุษย์ทำงานตรากตรำภายใต้ดวงอาทิตย์ เขาได้ประโยชน์อะไรจากงานทั้งสิ้นที่เขาทำนั้น
ในโลกนี้ทุกอย่างล้วนอนิจจัง เมื่อเราเกิดเรามาด้วยมือเปล่าไม่มีอะไรเราอย่ายึดติกับวัตถุสิ่งของในโลกนี้เลย เพราะทุกคนแม้ว่าจะยากจนหรือมั่งมี เราต้องกลับมือเปล่าอย่างสะสมของในโลกนี้เพราะวัตถุสิ่งของไม่สามารถที่จะเอากลับไปได้ ไม่มีอะไรที่เที่ยงแท้และยั่งยืนทุกออย่างล้วนแต่อนิจจัง
1ทิโมธี 6:7-8 เพราะว่าเราไม่ได้เอาอะไรเข้ามาในโลกฉันใด เราก็เอาอะไรออกไปจากโลกไม่ได้ฉันนั้น แต่ถ้าเรามีอาหารและเสื้อผ้า ก็ให้เราพอใจด้วยของเหล่านั้นเถิด
อาจารย์เปาโลได้กล่าวว่าทุกอย่างขึ้นอยู่กับความพอใจของแต่ละบุคคล ว่ามีความพอใจตรงไหน เพราะมนุษยมักสร้างกรอบให้ตนเองต้องได้แบบนั้น ต้องแบบนี้เมื่อไม่ได้ตามเป้าหมายที่ตนเองคาดหวังก็ทำให้ทุกข์ไม่มีความสุข ปัญหาไม่มีขา มนุษย์มักจะเดินไปหาปัญหา โลกนี้มีไว้เหยียบ ไม่ใช่มีไว้แบก ทุกข์พระเจ้ามีไว้ให้เห็น ไม่ใช่ให้เป็นทุกข์ เพราะโลกนี้ล้วนแต่อนิจจัง
ยอห์น 14:6 พระเยซูตรัสกับเขาว่า "เราเป็นทางนั้น เป็นความจริง และเป็นชีวิต ไม่มีผู้ใดมาถึงพระบิดาได้นอกจากมาทางเรา
พระเยซูทรงเป็นทางนั้นเป็นความจริง พระองค์ทรงเป็นความจริงในชีวิตของเราทุกคนที่เชื่อวางใจในพระเจ้า ผู้ที่เชื่อในพระเจ้าจะไม่ผิดหวัง เพราะพระองค์ทรงลงมาในโลกนี้เพื่อประทานสันติสุขให้กับมนุษย์เป็นสันติสุขที่ไม่เหมือนกับที่โลกให้ และมาประทานชีวิตนิรันดร์ให้กับผู้เชื่อทุกคนให้ไปถึงพระบิดา ซึ่งเป็นแผ่นดินของพระเจ้าที่ทรงเตรียมให้เราได้กลับไปอยู่กับพระเจ้า เป็นที่ที่ไม่มีการร้องไห้อีกต่อไป
สรุป
พระเจ้าทรงให้สิทธิกับเรา ว่าเราจะเลือกแบบไหน ความจริงหรืออนิจจัง อนิจจังเป็นของชั่วคราวที่ไม่ยั่งยืน แต่สำหรับพระเยซูแล้วพระองค์ทรงลงมาในโลกนี้เพื่อประทานสันติสุขให้กับมนุษย์เป็นสันติสุขที่ไม่เหมือนกับที่โลกให้ และมาประทานชีวิตนิรันดร์
แบ่งปันพระพร อาจารย์พนม หนูไพโรจน์
วันอาทิตย์ที่ 24 กุมภาพันธ์ 2013